7 เทคนิคการในการต่อสู้ด้วยศอกของคาราเต้
การใช้ข้อศอกในการต่อสู้นั้น ถือเป็นเทคนิคในการป้องกันตนเองชนิดหนึ่ง ในระหว่างการแข่งขันเพื่อใช้ในการรับการโจมตีของคู่ต่อสู้ ด้วยท่าศอกนี้ยังถูกใช้เป็นท่าต่าง ๆ ของศิลปะต่อสู้ชนิดอื่น ๆ มากมายอย่างเช่น มวยไทย คราฟมากา และ คาราเต้ โดยท่าศอกนี้ เราสามารถใช้เหวี่ยงจากด้านข้าง แทงขึ้นจากด้านบน หรือ ด้านล่าง โดยสามารถปรับใช้ให้เหมาะได้กับทุกสถานการณ์ โดยมีที่รู้จักกันทั่วไป 7 ท่า ได้แก่
- Downward Elbow Strike
ท่าทิ้งศอกนั้น เป็นท่าที่นิยม และใช้บ่อยมากในสถานการณ์ที่ต้องป้องกันตนเอง เพื่อใช้จู่โจมส่วนบนของร่างกายเป้าหมาย หรือ บริเวณศีรษะ คอ หรือ ท้ายทอย โดยต่อมาถูกพัฒนาให้เป็นท่าที่มีประสิทธิภาพมากกว่าคือ ท่ากระโดดศอก หรือ Jumping downward elbow strike.
- Front Elbow Strike
เป็นท่าที่ใช้ในการจู่โจมระยะประชิด โดยต้องอยู่ใกล้มาก ๆ เท่านั้น เพราะท่านี้จะใช้การเอี่ยวตัวเล็กน้อยในการเพิ่มแรง ในการเหวี่ยงศอกทางด้านข้าง เพื่อให้สันของศอกไปกระแทกกับเป้าหมาย ส่วนใหญ่เป้าหมายจะเป็นช่วงข้างลำตัว และช่วงลำคอของคู่ต่อสู้
- Front Elbow Thrust
การพุ่งศอก เป็นท่าที่มีพลังทำลายสูงมาก โดยเฉพาะการต่อสู้ระยะประชิด และมีประสิทธิภาพมากในการจู่โจมศีรษะของเป้าหมาย โดยท่านี้จะแตกต่างจากท่าเหวี่ยงศอก ตรงที่เราจะไม่ใช้การหมุนของลำตัวเข้ามาช่วย แต่จะใช้การพุ่งของลำตัวและแขนแทน
- Jumping Downward Elbow Strike
ท่ากระโดดศอกนี้ เป็นท่าทรงพลังที่สุดในท่าใช้ศอกทั้งหมด เพราะใช้แรงโมเมนตัม และใช้น้ำหนัก ตัวทิ้งลงมายังเป้าหมาย ทำให้เป้าหมายอาจได้รับบาดเจ็บถึงชีวิต โดยผู้ใช้ท่านี้จะต้องมีระยะที่ห่างกับเป้าหมายพอสมควร เพื่อใช้ในการกระโดดขึ้นไป และทิ้งศอกลงไปยังคู่ต่อสู้
- Superman Elbow Strike
ท่านี้จะมีความคล้ายคลึงกับท่ากระโดดศอก หรือ Jumping Downward Elbow Strike แต่ต่างกัน ที่จะใช้การลอยตัว และใช้ช่วงหน้าของศอกพุ่งปะทะมากกว่าทิ้งน้ำหนัก ทำให้เกิดแรงกระแทกกับเป้าหมาย จนเสียศูนย์ และล้มลงในที่สุด
- Rear Elbow Strike
ท่าศอกกลับหลังนี้ เป็นท่าสำหรับใชในการป้องกันตัว ในสถานการณ์ที่เป้าหมายอยู่บริเวณด้านหลังของเรา หรือ เรากำลังโดนล็อคจากด้านหลัง โดยจะใช้ศอกกระทุ้งไปยังด้านหลัง ซึ่งจะโดนบริเวณลำตัวของคู่ต่อสู้ จนทำให้เราสามารถหลุดออกจากการล็อคของเป้าหมายได้
- Uppercut Elbow Strike
เป็นการแทงศอกขึ้นด้านบน เพื่อใช้กระแทกคางของเป้าหมาย โดยจะต้องวางศอกลงให้ต่ำสุดเท่าที่จะทำได้ และพุ่งศอกขึ้นไปอย่างรวดเร็ว หากจะเพิ่มความแรงในการปะทะ สามารถย่อเข่าลงไป ในขณะเดียวกันก็ใช้มันดีดขึ้นมา เพื่อทำให้พุ่งตัวขึ้นได้เร็วกว่าเดิม
ท่าศอกมีความสำคัญพอ ๆ กับท่าอื่น ๆ และมีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน ส่วนในการฝึกนั้นควรอยู่ในความดูแลของครูฝึกเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตนเอง และผู้อื่น